เจ้าหน้าที่สาธารณสุขชิคาโก สหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี(12ส.ค.) รายงานพบเคสผู้ติดเชื้อ 203 รายเกี่ยวข้องกับ
เทศกาลดนตรีประจำปี "ลอลลาพาลูซา" แต่ระบุไม่เกินความคาดหมาย และยังไม่พบความเชื่อมโยงกับผู้ติดเชื้ออาการหนักถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรพยาบาลหรือเสียชีวิต
"ไม่มีอะไรที่เกินความคาดหมาย" แพทย์หญิงแอลลิสัน อาร์วาดี คณะกรรมการกรมสุขภาพชิคาโกกล่าวระหว่างแถลงข่าว "ไม่มีสัญญาณว่ามันเป็นกิจกรรมซูเปอร์สเปรดเดอร์" เธอระบุ "แต่ชัดเจนว่าด้วยที่มีประชาชนหลายแสนคนเข้าร่วมลอลลาพาลูซา เราจึงคาดหมายว่าคงมีเคสติดเชื้อโควิด-19 อยู่บ้าง"
เทศกาลดนตรีประจำปี 4 วัน ซึ่งจัดขึ้นเมื่อราวๆ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ดึงดูดผู้คนราวๆ 385,000 คนมายังสวนสาธารณะริมทะเลสาบแห่งหนึ่ง กระตุ้นให้ฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ตั้งคำถามว่าทำไมถึงจัดกิจกรรมในช่วงเวลาเกิดโรคระบาดใหญ่เช่นนี้ ทั้งที่ปีที่แล้วได้ยกเลิกไปสืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
ภาพวิดีโอที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์พบเห็นฝูงชนอัดแน่นตามเวทีคอนเสิร์ตและระบบคนขนส่งสาธารณะ ระหว่างนั้นพบเห็นผูุ้คนสวมหน้ากากป้องกันโควิด-19 แค่ประปราย
อย่างไรก็ตามลอรี ไลท์ฟูต นายกเทศมนตรีและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ปกป้องการตัดสินใจอนุญาตให้จัดกิจกรรม ระบุว่ามีการบังคับใช้กฎระเบียบด้านความปลอดภัยต่างๆนานา ในนั้นรวมถึงผู้เข้าร่วมต้องแสดงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนหรือมรผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ และทางเจ้าหน้าที่เผยว่ามีราวๆ 90% ที่ฉีดวัคซีนแล้ว
อาร์วาดี ระบุว่าในบรรดาเคสผู้ติดเชื้อนั้น มีทั้งบุคคลที่มีผลตรวจเป็นบวกหลังหรือระหว่างร่วมเทศกาลลอลลาพาลูซา ซึ่งอาจสรุปได้ว่าหลายคนที่เดินทางมาร่วมเทศกาลดนตรีติดเชื้อตั้งแต่ก่อนมาถึง
เธอบอกว่าทางเมืองยังคงอยู่ระหว่างการสืบสวนเคสต่างๆ แต่คาดหมายว่ามันคงไม่ส่งผลกระทบสำคัญๆใดๆต่ออัตราการติดเชื้อโควิด-19
ในบรรดาผู้มีที่ผลตรวจเชื้อเป็นบวกนั้น เจ้าหน้าที่เมืองระบุว่ามี 138 คน มาจากเมืองอื่นๆในรัฐอิลลินอยส์ 58 คนเป็นพลเมืองของเมืองชิคาโก และ 7 คนมาจากรัฐอื่น ทั้งนี้เกือบ 80% ที่มีผลตรวจเป็นบวกมีอายุต่ำกว่า 30 ปี และราว 62% เป็นคนผิวขาว
(ที่มา:เอพี)