“จุรินทร์” ติดตามโครงการลดราคาปุ๋ยเคมีช่วยเหลือเกษตรกร หลังจับมือ 3 สมาคมปุ๋ยจัดจำหน่ายปุ๋ยราคาพิเศษ 4.5 ล้านกระสอบ รวม 84 สูตร เผยสั่งซื้อไปแล้ว 1 ล้านกระสอบ คงเหลือ 3.5 ล้านกระสอบ ชี้เป้าเกษตรกรสามารถรวมกลุ่ม แจ้งในนามกลุ่ม แล้วสั่งซื้อได้ ยกตัวอย่างปุ๋ยยูเรีย ที่ใช้มากถึง 40% จะถูกกว่าตลาดกระสอบละ 50 บาท
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามการดําเนินโครงการลดราคาปุ๋ยเคมีให้แก่สถาบันเกษตรกร ณ สหกรณ์การเกษตรไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ผ่านระบบ Zoom conference กับผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด พาณิชย์จังหวัด เกษตรจังหวัด และสหกรณ์จังหวัดทั่วประเทศ ว่า โครงการนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย บริษัท เจียไต๋ จำกัด สมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย สมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร จัดเตรียมปุ๋ยราคาพิเศษถูกกว่าท้องตลาดในโครงการจำนวน 4.5 ล้านกระสอบ มีทั้งสิ้น 84 สูตร จำหน่ายแก่เกษตรกรทั่วประเทศ เพื่อช่วยลดต้นทุนค่าปุ๋ยในช่วงที่ราคาปุ๋ยปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ เกษตรกรที่ต้องการซื้อปุ๋ยราคาพิเศษสามารถแจ้งความจำนงได้ในนามของกลุ่ม กลุ่มเกษตรกร กลุ่มสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชนการเกษตร หรือการรวมกลุ่มเฉพาะกิจ เพื่อซื้อปุ๋ยตามโครงการนี้ในราคาพิเศษ โดยสั่งจองปุ๋ย 84 สูตรตามราคาที่กำหนด ไม่รวมค่าขนส่ง ขึ้นอยู่กับระยะทาง เพราะเป็นราคาหน้าโรงงาน โดยแจ้งได้ผ่านสหกรณ์จังหวัด สหกรณ์อำเภอ หรือที่เกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอ และเกษตรตำบล เพื่อขอซื้อปุ๋ยได้
“ตั้งแต่เริ่มโครงการมามีเกษตรกรสั่งซื้อมาแล้วประมาณ 1 ล้านกระสอบ ทยอยส่งมอบไปแล้ว ขณะนี้เหลือประมาณ 3.5 ล้านกระสอบ ซึ่งจะดำเนินการต่อไปจนกระทั่งสถานการณ์ราคาปุ๋ยจะคลี่คลายลง หรือหมด 3.5 ล้านกระสอบที่เหลือนี้ โดยขอมอบหมายให้เกษตรจังหวัด สหกรณ์จังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ช่วยดำเนินการในเรื่องนี้ให้บรรลุผลตามนโยบาย และประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มเกษตรกรรับทราบด้วย” นายจุรินทร์กล่าว
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ราคาปุ๋ยปรับตัวสูงขึ้นมาก เพราะแม่ปุ๋ยทั้งหมดเกือบ 100% ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ จึงขึ้นอยู่กับภาวะราคาตลาดในต่างประเทศ และขณะนี้ราคาปุ๋ยสูงขึ้นเพราะต้นทุนราคาน้ำมันดิบเป็นต้นทุนสำคัญในการขนส่งสูงขึ้นประมาณ 30% และจีนเป็นประเทศที่ไทยนำเข้ามาเป็นหลัก ได้มีการประมูลปุ๋ยให้อินเดียเป็นล็อตใหญ่มาก และจีนต้องเก็บปุ๋ยไว้ใช้ในฤดูหว่านไถของประเทศ ทำให้ซัปพลายในตลาดโลกลดน้อยลง และค่าระวางเรือ ค่าขนส่ง ค่าน้ำมันสูงขึ้น ทำให้ราคาปุ๋ยในช่วงที่ผ่านมาสูงขึ้น
ร.ต.จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ระยะเวลาดำเนินโครงการได้เริ่มมาตั้งแต่เดือน ก.ค. และจะสิ้นสุดในเดือน ส.ค.นี้ เป็นระยะเวลา 2 เดือน หรือจนกว่าสินค้าจะหมด โดยปุ๋ยยูเรียที่ใช้มากถึง 40% ของปุ๋ยทั้งหมด ขายในโครงการราคาจะถูกกว่าปกติเฉลี่ยตันละ 1,000 บาท และปุ๋ยยูเรียมีการตรึงราคาในล็อตแรกที่ 650 บาทต่อกระสอบ ในขณะที่ราคาตลาด 825 บาทต่อกระสอบ และล็อตถัดไปราคา 775 บาทต่อกระสอบ ถูกกว่าราคาตลาดประมาณ 50 บาทต่อกระสอบ
นายทวีสุข เมฆธวัชชัยกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจียไต๋ จำกัด กล่าวว่า ปุ๋ยมีการนำเข้าโดยเรือขนาดใหญ่ และปุ๋ยที่นำเข้าจากต่างประเทศมีค่าขนส่งที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน ทำให้ราคาสูงขึ้น และยังมีความต้องการใช้ปุ๋ยทั่วโลกเพิ่มมากขึ้น ซึ่งไทยพึ่งพาการนำเข้าเกือบ 100% ปุ๋ยที่ผลิตต้องนำวัตถุดิบมาเพื่อผลิตในประเทศ เฉพาะค่าขนส่งเพิ่มขึ้นเกินกว่าเท่าตัว ค่าปุ๋ยเกินกว่า 60% ขณะที่ราคาปุ๋ยในปัจจุบันค่อยๆ ปรับขึ้นตามสถานการณ์ตามต้นทุนที่เปลี่ยนไป โดยการนำเข้า เป็นการนำเข้าล่วงหน้า 30-45 วัน และอัตราแลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนจาก 30 เป็น 33 บาท ซึ่งคาดว่าไตรมาสที่ 4 ปุ๋ยบางสูตรราคาจะต่ำลง
รายงานข่าวจากกรมการค้าภายในแจ้งว่า สถาบันเกษตรกรที่สนใจซื้อปุ๋ยราคาต่ำกว่าท้องตลาดสามารถแจ้งความต้องการซื้อได้ผ่านตามช่องทางดังนี้ 1. กรณีเป็นสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร แจ้งต่อสํานักงานสหกรณ์จังหวัดทุกจังหวัด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สํานักงานสหกรณ์จังหวัดตามเบอร์โทร.ในเว็บไซต์
https://www.cpd.go.th/cpdth2560/contact-office/email-cpd 2. กรณีเป็นสถาบันเกษตรกรอื่นๆ (ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่) แจ้งต่อสํานักงานเกษตรอําเภอ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กองส่งเสริมการอารักขาพืชและจัดการดินปุ๋ย กรมส่งเสริมการเกษตร โทร. 0-2955-1515
สำหรับการประชุมครั้งนี้ มีนางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เข้าร่วม