สหรัฐฯ ยกระดับเตือนภัยโควิด-แนะงดมาไทย เพนตากอนเล็งขอไบเดนบังคับทหารฉีดวัคซีน

สหรัฐฯ ยกระดับเตือนภัยโควิด-แนะงดมาไทย เพนตากอนเล็งขอไบเดนบังคับทหารฉีดวัคซีน

  • 0 ตอบ
  • 85 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

hs8jai

  • *****
  • 2219
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




บรรยากาศโรงเรียนต่างๆ ในรัฐฟลอริดา เปิดการเรียนการสอนเป็นวันแรกเมื่อวันอังคาร (10 ส.ค.) ท่ามกลางการถกเถียงเรื่องควรให้นักเรียนสวมหน้ากากป้องกันหรือไม่ ทั้งนี้ทั้งนั้น รอน ดีแซนทิส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา ซึ่งสังกัดพรรครีพับลิกัน เป็นผู้ที่ตั้งแง่ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคโควิด-19 มาโดยตลอด คราวนี้ถึงขนาดออกกฎห้ามโรงเรียนบังคับการสวมหน้ากาก ขณะที่รัฐฟลอริดากำลังกลายเป็นรัฐที่โควิด-19 ระบาดหนักที่สุดในสหรัฐฯเวลานี้



หน่วยงานหลักในการต่อสู้โรคติดต่อของสหรัฐฯ เตือนคนอเมริกันงดเดินทางมาไทย อิสราเอล ฝรั่งเศส ไอซ์แลนด์ และอีกหลายประเทศที่โควิด-19 กำลังระบาดรุนแรง ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อในอเมริกาพุ่งขึ้นวันละแสนต่อเนื่อง 3 วันติด แถมอัตราการป่วยรุนแรงสูงขึ้น 40% และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 18% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้านเพนตากอนเตรียมขอไบเดนอนุมัติการฉีดวัคซีนให้กำลังทหารมะริกัน ภายในเดือนหน้า

ศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) หน่วยงานหลักในการต่อสู้กับโรคติดเชื้อของสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (9 ส.ค.) ประกาศยกระดับคำเตือนเรื่องจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สู่ระดับ 4 ซึ่งหมายถึง “สูงมาก” สำหรับไทย อิสราเอล เขตเวสต์แบงก์ กาซา อารูบา และเฟรนช์โปลีนีเซีย

หลังจากนั้นกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกคำแนะนำ “ระดับ 4: ห้ามเดินทาง” สำหรับฝรั่งเศส ไทย และไอซ์แลนด์ โดยอิงจากคำแนะนำของซีดีซี

แต่สำหรับในอเมริกาเอง สถานการณ์การระบาดล่าสุดก็อยู่ในระดับรุนแรงขึ้นเช่นเดียวกัน โดยตามรายงานของรอยเตอร์ จำนวนผู้ติดเชื้อเฉลี่ยอยู่ที่วันละ 100,000 คนติดต่อกัน3 วันซ้อน หรือเพิ่มขึ้น 35% จากสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ ลุยเซียนา ฟลอริดา และอาร์คันซอส์ เป็นรัฐที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ขณะที่อัตราการป่วยรุนแรงทั่วประเทศสูงขึ้น 40% และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 18% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

อาซา ฮัตชินสัน ผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอส์ ซึ่งสังกัดพรรครีพับลิกัน เผยว่า จำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลรายวันพุ่งทำสถิติสูงสุดและขณะนี้ทั้งรัฐเหลือเตียงผู้ป่วยวิกฤตเพียง 8 เตียง

ฮัตชินสันยังเรียกร้องให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด ขณะที่ผู้คนมากมายยังลังเลเนื่องจากได้รับข้อมูลผิดๆ เกี่ยวกับวัคซีน

ส่วนที่เทกซัส เกร็ก แอ็บบอตต์ ผู้ว่าการรัฐขอให้โรงพยาบาลต่างๆ เลื่อนการผ่าตัดที่ไม่เร่งด่วนออกไปก่อนเพื่อสงวนทรัพยากรไว้สำหรับผู้ป่วยโควิด

แอ็บบอตต์ที่ออกคำสั่งห้ามรัฐบาลท้องถิ่นบังคับสวมหน้ากากป้องกันเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สำทับว่า จะเพิ่มจำนวนคลินิกเพื่อให้ผู้ป่วยโควิดเข้ารับการฉีดแอนติบอดี้

ด้านฟลอริดา รัฐที่กำลังระบาดหนักที่สุดในเวลานี้ เมื่อวันอาทิตย์ (8) รายงานเคสใหม่รายวันทำสถิติสูงสุดที่ 28,317 คน ขณะที่จำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลทุบสถิติ 8 วันซ้อน

นักเรียนส่วนใหญ่ในรัฐฟลอริดายังมีกำหนดกลับเข้าเรียนตามปกติในสัปดาห์นี้ โดยที่เขตการศึกษาบางแห่งยังถกเถียงกันว่า ควรบังคับให้นักเรียนสวมหน้ากากป้องกันหรือไม่ เนื่องจากรอน ดีแซนทิส ผู้ว่าการรัฐ ซึ่งสังกัดพรรครีพับลิกัน ออกคำสั่งห้ามโรงเรียนของรัฐ ตลอดจนถึงภาคธุรกิจ และหน่วยงานรัฐ บังคับการสวมหน้ากาก โดยอ้างว่า เพื่อป้องกันการเลือกปฏิบัติและปกป้องความเป็นส่วนตัว

ขณะเดียวกัน จำนวนผู้ป่วยเด็กในอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพระบุว่า เป็นผลจากการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตาที่มีแนวโน้มทำให้เด็กติดเชื้อได้มากกว่าสายพันธุ์อัลฟาที่ระบาดหนักในอเมริกาก่อนหน้านี้

วิกฤตไวรัสที่กลับมาส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตของชาวอเมริกันอีกครั้ง ผลักดันให้มีการรณรงค์ฉีดวัคซีนสำหรับผู้ที่ยังลังเลรอบใหม่

ในวันจันทร์ ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศผ่านบันทึกภายในฉบับหนึ่งว่า จะขออนุมัติจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้บังคับกำลังพลฉีดวัคซีนในช่วงกลางเดือนกันยายน ถึงแม้สำนักงานอาหารและยา (เอฟดีเอ) ยังไม่ได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนโควิดได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าตัวไหนก็ตาม

การใช้วัคซีนในสหรัฐฯเวลานี้ ก็เช่นเดียวกับในประเทศต่างๆ ส่วนใหญ่ หน่วยงานกำกับตรวจสอบเพียงแค่อนุมัติสำหรับการใช้ฉุกเฉินเท่านั้น สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ทางกองทัพยังไม่บังคับให้กำลังพลฉีดเหมือนวัคซีนตัวอื่นๆ เพราะอาจเปิดช่องให้มีการฟ้องร้องทางกฎหมาย เว้นแต่ได้รับอนุมัติจากไบเดนก่อนเท่านั้น โดยที่ทางประมุขทำเนียบขาวแถลงแสดงท่าทีแล้วว่า พร้อมสนับสนุนการตัดสินใจของเพนตากอนเต็มที่

อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ หลายคนเชื่อว่า เอฟดีเอจะอนุมัติอย่างสมบูรณ์ให้แก่วัคซีนโควิด อย่างน้อยก็ของไฟเซอร์ ภายในต้นเดือนกันยายนนี้

(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)