รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - ทีมนักวิจัยจากโรงพยาบาลกลางแมสซาชูเซตส์ สหรัฐฯ ที่ตีพิมพ์
เผยแพร่ผ่านวารสารวิชาการทางการแพทย์ชื่อดังเมื่อวันจันทร์ (26 ก.ค.) ค้นพบว่า คนส่วนใหญ่ที่เกิดการแพ้วัคซีนประเภท mRNA จะยังคงสามารถฉีดเข็ม 2 ได้อยู่ หลังการฉีดวัคซีนครบ 2 โดส กลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อสู้กับการระบาดไวรัสเดลตา ซึ่งล่าสุดมีการค้นพบในจีนว่า ผู้ป่วยไวรัสเดลตามีเชื้อไวรัสในช่องจมูกสูงกว่า 1,260 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับของการระบาดระลอกแรก
รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (27 ก.ค.) ว่า ผู้แต่งร่วมอาวุโสของการวิจัย คิมเบอร์ลี จี.บลูเมนทัล (Kimberly G.Blumenthal) จากโรงพยาบาลกลางแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts General Hospital) กล่าวในรายงานที่ถูกตีพิมพ์ลงวารสารทางวิชาการแพทย์ชื่อดัง JAMA Internal Medicine เมื่อวันจันทร์ (26) ว่า หนึ่งในสิ่งสำคัญจากการวิจัยครั้งนี้แสดงให้เห็นปฏิกิริยาการแพ้ทันทีต่อวัคซีน mRNA อาจจะไม่ใช่เป็นการแพ้อย่างเป็นกลไกเช่นเดียวกันการแพ้โดยทั่วไป ซึ่งสำหรับลักษณะการแพ้ทั่วไปนั้นเกิดจากการที่ร่างกายต้องพบกับสารที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และทำให้เกิดอาการแพ้และมีความรุนแรงมากขึ้น
ด้านผู้แต่งร่วมอาวุโสของการวิจัยอีกคน อาลีนา บาเนอร์จี (Aleena Banerji) จากโรงพยาบาลกลางแมสซาชูเซตส์เช่นกันระบุว่า การศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่ามันมีความปลอดภัยต่อคนส่วนใหญ่ในการได้รับวัคซีน mRNA เข็มที่ 2
“หลังเกิดปฏิกิริยาแพ้จากเข็มแรกแล้ว ผู้เชี่ยวชาญภูมิแพ้อาจจะมีประโยชน์ในการช่วยเหลือสำหรับการประเมินความเสี่ยงและประโยชน์และให้การช่วยเหลือในการฉีดให้ภูมิคุ้มกันได้อย่างปลอดภัยและครบถ้วน” บาเนอร์จี กล่าวผ่านรายงานของ Science daily
รอยเตอร์รายงานว่า ในการวิจัยพบว่าทีมได้ทำการศึกษาข้อมูลจากกลุ่มผู้ใหญ่ 189 คนที่ได้รับวัคซีน mRNA ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทค หรือวัคซีนโมเดอร์นา 1 เข็มแรกและมีอาการแพ้ปรากฏหลังการฉีดไม่ว่าจะเป็นหน้าแดง มึนศีรษะ วิงเวียน หายใจถี่ อาการเป็นเหน็บ อาการเจ็บคอและแน่นภายในคอที่อาจจะเกิดขึ้นมาจากหลายสาเหตุ (throat tightness) ลมพิษ หรือกระทั่งหายใจถี่และมีเสียงออกมา
Science daily ชี้ว่าการวิจัยชิ้นนี้ต้องการทราบว่า จะมีความปลอดภัยหรือไม่ที่จะให้ผู้ที่เคยรับวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคและวัคซีนโมเดอร์นาและมีอาการแพ้เกิดขึ้นจะสามารถรับวัคซีนเข็มที่ 2 ได้ต่ออย่างปลอดภัย โดยทีมวิจัยนี้เป็นความร่วมมือของผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลกลางแมสซาชูเซตส์ ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลท์ (Vanderbilt University Medical Center) ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยเซาท์เวสต์ (University of Texas Southwestern Medical Center) คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเยล (Yale School of Medicine)
พบว่าจากทั้งหมดของ 189 คนของการศึกษา จำนวนส่วนใหญ่หรือ 84% (159 คน) เข้ารับวัคซีนเข็มที่ 2 ต่อโดย 1 ใน 3 ของคนกลุ่มนี้รับยาต้านภูมิแพ้ก่อนเข้าฉีดเข็มที่ 2 รอยเตอร์รายงานว่า คนทั้งหมดมีความทนทานโดยไม่มีผลข้างเคียงปรากฏหลังเข็มที่ 2 รวมไปถึงกลุ่มคนที่มีปฏิกิริยาเกิดภูมิแพ้รุนแรงอย่างเฉียบพลันที่เรียกว่า (anaphylactic reactions)
ทีมวิจัยกล่าวว่า อาการแพ้ใดๆ ที่อาจขึ้นหลังจากได้รับเข็มที่ 2 แล้วนั้นพบว่าจะอยู่ในระดับต่ำและสามารถจัดการได้ง่าย
รอยเตอร์รายงานว่า มีการบันทึกถึงการแพ้ที่เกิดจากการฉีดวัคซีน mRNA นั้นสูงถึง 2% ซึ่งผู้นำการวิจัย แมทธิว เอส.ครานต์ซ์ (Matthew S.Krantz) จากศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลท์ กล่าวย้ำว่า “การได้รับวัคซีนครบ 2 โดสนั้นมีความสำคัญมากกว่าที่เคยเนื่องมาจากการระบาดของไวรัสเดลตา และทางเราสงสัยว่าอาจจะมีคนเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการฉีดเข็มที่ 2 เนื่องมาจากเกิดอาการแพ้”
ทั้งนี้ การวิจัย "Second COVID-19 mRNA vaccine dose found safe following allergic reactions to first dose" ของโรงพยาบาลกลางสหรัฐฯ นี้ได้รับเงินวิจัยสนับสนุนจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ NIH (the National Institutes of Health) และโรงพยาบาลกลางแมสซาชูเซตส์