สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยในฐานะนักแสดงที่ก้าวไปสู่ระดับฮอลลีวู้ดอีกหนึ่งคน สำหรับ ไมค์ พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล พระเอกชื่อดังที่ก่อนหน้านี้ได้ไปสร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์ในประเทศจีน จนมีชื่อเสียงโด่งดังมาแล้ว
ล่าสุด ไมค์ พิรัชต์ มีโอกาสได้ร่วมเป็นหนึ่งในแสดงนำของภาพยนตร์
THE MISFITS พร้อมกระทบไหล่ดาราแถวหน้าอย่าง เพียร์ซ บรอสแนน หรือ เจมส์บอนด์ 007 ในตำนานที่คนไทยรู้จักกันดี วันนี้ ไมค์ เปิดใจกับทาง “ข่าวสดบันเทิงออนไลน์” ถึงเส้นทางและผลงานเรื่องแรกในระดับฮอลลีวู้ด พร้อมอัพเดตผลงานที่จีน และวางแผนเรื่องเงิน น้องแม็กซ์เวลล์ ในอนาคต
หนัง The Misfits เข้าฉายที่อเมริกามาได้หนึ่งเดือนกว่าๆ แล้ว ฟีดแบ็กเป็นยังไงบ้าง? “ตอนนี้น้องสาวผมอยู่ที่อเมริกาก็ไปดูมา เขาก็บอกว่าฟีดแบ็กก็ค่อนข้างดี แล้วก็ที่ทีมงาน The Misfits ส่งมาก็มีบางที่ที่ตั๋วหมดแล้วคือจองเต็ม แล้วก็ตามพวก Video on Demand พวกอเมซอนอะไรพวกนี้ก็มีขึ้นอันดับหนึ่งด้วย”
โล่งใจหรือใจชื้นขึ้นมาเลยไหม? “จริงๆ ก็โล่งใจประมาณหนึ่ง ที่ตรงนั้นเขาเปิดได้ทันเวลาพอดี พอหนังเข้าปุ๊บคนเขาก็คงอาจจะไม่ได้ไปโรงหนังนานก็เลยเข้าไปดูกัน แต่คืออย่างของที่ไทยตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะได้เข้าโรงฉายเมื่อไหร่ เพราะต้องดูสถานการณ์ต่อไปก่อน”
คาแร็กเตอร์ในภาพยนตร์เรื่อง The Misfits เป็นอย่างไร? “ตัวละครตัวนี้ชื่อว่า “วิค” เขาเป็นฝ่ายเทคโนโลยีของกลุ่มนี้ เป็นคนประดิษฐ์ระเบิดและเขาก็เป็นคนที่ชอบทำอะไรเกี่ยวกับระเบิด”
ส่วนตัวพอใจมากน้อยแค่ไหน? “ถือว่าดีเลย พอใจในระดับหนึ่ง แล้วก็คิดว่ามันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการเปิดตลาดใหม่ด้วยครับ (ถ้าไม่ติดโควิด ต้องไปโปรโมตหนังที่อเมริกาด้วยไหม?) ที่คุยกับทางทีมเขาไว้ก็คือว่าถ้ามีการเดินพรมแดงหรือเปิดตัวหนังเขาก็อยากให้ไป แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ก็คือไม่สามารถไปไหนได้เลย แอบเสียดาย จริงๆ 2ปีที่ผ่านมามีหลายโอกาสที่เสียไปค่อนข้างเยอะ”
ครั้งนี้ถือว่าเป็นการเบิกทางที่สวยงามของตัวเองไหม? “ใช่ครับ เป็นเหมือนกับการเปิดประตูใหม่ๆ ให้กับโอกาสทางการงานของไมค์ด้วย แล้วก็การได้ร่วมงานกับนักแสดงระดับท็อปๆ ของฮอลลีวู้ดก็ทำให้ตลาดนี้เปิดกว้างขึ้นด้วย”
เคยท้อบ้างไหม? “ท้อเป็นเรื่องปกติ แต่แค่ไม่ยอมแพ้เท่านั้นเอง มันท้อหลายๆ เรื่องอยู่แล้วครับ ทั้งเรื่องของตัวเองด้วย ทั้งเรื่องของการงาน ทั้งเรื่องของหลายๆ อย่าง แต่โดยส่วนตัวคิดว่าตราบใดที่เรายังไม่ยอมแพ้ยังไงมันก็ต้องมีวันหนึ่งที่มันเป็นวันของเรา”
ความยากที่สุดในหนังเรื่องนี้? “ด้วยความที่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องแรกที่เป็นหนังพูดภาษาอังกฤษของไมค์ ความยากคือเรื่องภาษานี่แหละ เพราะมันไม่ใช่ภาษาแม่ของเราด้วย เราอาจจะไม่ได้ชิ้นลิ้นเพราะเราไม่ได้เกิดหรือโตที่โน่น มันก็อาจจะต้องทำการบ้านค่อนข้างเยอะหน่อยในการที่จะให้สำเนียงไปได้ใกล้เคียงที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ”
นักแสดงที่ต้องเข้าฉากด้วย ตัวเราตื่นเต้นแค่ไหน? “ตื่นเต้นมากครับ ตอนที่ไปเจอครั้งแรกคือเหมือนเราได้เห็นนักแสดงอย่าง เพียร์ซ บรอสแนน เขาคือเจมส์ บอนด์007 ที่เราเห็นเขามาตั้งแต่เด็ก แล้วพอได้ไปเจอตัวจริงมันก็เหมือนกับเป็นความฝันของเราที่อยากจะร่วมงานกับดาราฮอลลีวู้ดคนนี้ด้วย พอได้ไปเจอเราก็ตื่นเต้น จำได้เลยว่าตอนจับมือเราก็มือสั่นๆ นิดหน่อย”
ถือเป็นรางวัลของความไม่ท้อของตัวเอง? “ใช่ๆ มันอาจจะใช้เวลานานหน่อย คือจริงๆ มันเป็นความฝันตั้งแต่เด็ก ซึ่งมันก็กลายเป็นเป้าหมายของเราในชีวิต แล้วพอเราทำให้มันเกิดขึ้นมันก็กลายเป็นความจริงของเรา ซึ่งเราก็ได้ไปถึงจุดนั้น แล้วก็คาดว่าก็คงอยากจะไปต่อในอนาคต”
ได้เข้าบทกับใครมากที่สุด? “เพียร์ซ บรอสแนน ครับ ในกองจะพูดคุยกันค่อนข้างเยอะ เพราะเราไปถ่ายกันที่ดูไบด้วย จะมีไปแฮงเอาต์กันด้วย ซึ่งในแต่ละวันค่อนข้างเร็ว เลยจะมีช่วงเวลาที่แต่ละคนสามารถไปแฮงเอาต์”
เพียร์ซมีทาบไมค์ร่วมงานในครั้งต่อไปไหม? “อันนี้ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าเขามาชวนก็ยินดีแน่นอน เพราะอย่างเรื่องนี้เขาก็เป็นเอ็กเซ็กคูทีฟ โปรดิวเซอร์ด้วย”
เก็บเกี่ยวประสบการณ์อะไรจาก เพียร์ซ บรอสแนน มาบ้าง? “ด้วยความที่ได้เข้าฉากกับเขาค่อนข้างเยอะ ส่วนตัวผมเองค่อนข้างเกร็ง เขาเลยค่อนข้างให้กำลังใจ เป็นคนที่ให้พลังบวกกับกองถ่ายเยอะ เวลาเขาอยู่ใกล้ๆ ทำให้เราเกิดความมั่นใจมากขึ้น ทำให้การแสดงของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น และเกร็งน้อยลง”
ไมค์คาดหวังหรือวางเส้นทางในวงการฮอลลีวู้ดไว้อย่างไรบ้าง? “ส่วนตัวไม่ได้คาดหวังเลยครับ ผมเชื่อว่าถ้าทำไปเรื่อยๆ ผลลัพธ์ของการกระทำของเรามันก็จะพาเราไปสู่จุดที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ เราตั้งเป้าไว้แค่นี้แต่มันอาจจะไปได้ไกลกว่านั้น อยู่กับปัจจุบัน และพยายามทำต่อไป”
เขินไหมเวลาที่คนเรียกเราว่าเป็นนักแสดงฮอลลีวู้ด? “โดยส่วนตัวผมก็ยังไม่ได้ขนาดนั้น ผมรู้สึกว่าตรงนี้มันเป็นแค่จุดเริ่มต้น ซึ่งยังไม่รู้ว่าในอนาคตจะไปต่อในเส้นทางไหน”
แล้วงานในประเทศจีนตอนนี้ยังมีอยู่ไหม? “จริงๆ มีอยู่เรื่อยๆ คือว่าผมไม่ได้กลับจีนมาประมาณ 2 ปีแล้ว จริงๆ แพลนไว้ว่าปลายปีที่แล้วจะกลับไปรับงานที่เมืองจีน แต่เพราะติดงานเลยยังกลับไม่ได้ บวกกับเรื่องสถานการณ์หลายๆ อย่างมันก็กลับไม่ได้ เอาจริงๆ 2 ปีนี้ เสียโอกาสไปค่อนข้างเยอะมากเลย เนื่องจากมีงานใหม่ๆ ที่ต้องปฏิเสธไปเพราะไปไม่ได้”
วันเกิดแม็กซ์เวลล์ที่ผ่านมาเห็นโอนเงินไปให้น้องด้วยหลายคนชมคุณพ่อว่าน่ารัก? “คือผมแค่มองว่าตอนนี้สถานการณ์มันเป็นแบบนี้มันไม่มีอะไรการันตีว่าในอนาคตมันจะไม่เกิดขึ้นอีก เพราะฉะนั้นเราก็ไม่มีวันรู้หรอกว่าในอนาคตงานเราจะยังเป็นแบบนี้อยู่อีกหรือเปล่า คือมันจะยังดีแบบนี้อยู่หรือเปล่า หรือเราจะมีงานทำต่อหรือเปล่า”
“ผมเลยต้องการันตีด้วยตัวเองว่า ในอนาคตลูกผมเนี่ยจะต้องมีเงินตรงนี้ไว้สำหรับการศึกษาของเขา การใช้ชีวิตของเขา เนื่องในวันเกิดของเขาเนี่ยก็เลยเอาเงินฝากเข้าไปอยู่ในบัญชีที่ผมฝากประจำอยู่แล้วของแม็กซ์เวลล์ การันตีว่าในอนาคตเนี่ยต่อให้ผมไม่มีงานแล้ว ต่อให้ผมรายได้น้อยลงหรืออะไร เงินตรงนี้ยังเป็นเงินที่สามารถที่จะทำให้เขาไปต่อได้ในอนาคตครับผม”
หลายคนชื่นชมว่าในสถานการณ์ตอนนี้เราก็ไม่ได้มีรายได้เยอะ แต่เราก็ยังนึกถึงลูก? “คือจริงๆ ส่วนตัวแล้วผมเป็นคนแทบไม่ค่อยใช้เงินกับเรื่องจุกจิกอยู่แล้วครับ ช็อปปิ้งก็ไม่ค่อยเรื่องกินก็นานๆ ทีถึงจะกินที่แพงๆ เลยคิดว่าเงินเราตอนนี้ก็คือนอกจากเงินบริษัทจ่ายทีมงานแล้วมันก็ไม่ได้ใช้ทำอะไรมากมาย เลยคิดว่าช่วยอะไรได้ก็ช่วยไป”
“เงินส่วนไหนที่เก็บได้เซฟได้เผื่ออนาคตก็เซฟไปครับ เงินส่วนลงทุนก็เป็นอีกก้อนหนึ่งก็ต้องแบ่งและบริหารเรื่องการเงินให้ดีๆ เพราะว่าเงินก็ไม่ได้หาง่ายๆ เราก็ยิ่งสถานการณ์แบบตอนนี้เรายิ่งควรต้องระมัดระวังในการใช้เงินด้วย ผมก็เลยต้องวางแผนในระยะยาวเอาไว้แบบนี้”
ฝากผลงาน? “ฝากหนังด้วยแล้วกันนะครับผมถ้ามันเข้าฉายก็ฝากด้วย เผื่อใครเครียดๆ ก็ไปดูหนังคลายเครียดได้ The Misfits ก็เป็นหนังที่ค่อนข้างตลกแล้วก็เอนเตอร์เทนใช้ได้พอสมควร ยังไงก็ฝากด้วยครับ”