"บลจ.อีสท์สปริง" ชี้เศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรป จีน ทยอยฟื้นตัวหลังโควิดหนุนหุ้นต่างประเทศสร้างโอกาสเติบโตแนะกระจายลงทุน ชูหุ้น 2 ธีมหลัก "อินฟราฯ -พลังงานทางเลือก" 3 ธีมเสริม "หุ้นเติบโต-จีน-เปิดเมือง" ด้านหุ้นไทย "บลจ.ทาลีส" เน้นคัดหุ้นกลาง-เล็ก โตเด่น
จากงานสัมมนาออนไลน์ “Mutual Fund in Trend” จับทิศกองทุนรวม คว้าโอกาส ตามเทรนด์ให้ทัน โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งหลังปีนี้
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ยังรอ “วัคซีน” ในขณะที่เศรษฐกิจต่างประเทศ เริ่มเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์หลังโควิด-19 เริ่มเห็นการฟื้นตัวมากกว่า ดังนั้นในแง่ของการลงทุน ควรคว้าโอกาส “กราะจายการลงทุนหุ้นต่างประเทศ” ตั้งแต่ตอนนี้
นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด หรือ อีสท์สปริง และบลจ. ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้พัฒนาการของวิกฤติการแพร่ระบาดโควิด-19 ในต่างประเทศปรับตัวดีขึ้นและมองข้ามไปถึงการเปิดเมือง โดยเฉพาะในสหรัฐ ยุโรปและจีน
ดังนั้น เรามองว่า ขณะนี้เป็นจังหวะที่ต้องเริ่มลงทุนในหุ้นต่างประเทศ มากกว่าหุ้นไทย เนื่องเศรษฐกิจไทยในปีนี้ยังอยู่ในช่วงที่มีการกระจายวัคซีนล่าช้าและยังจำเป็นช่วยกันประคับประคองสถานการณ์ให้อยู่รอด ซึ่งการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 4 ทำให้จีดีพีของไทยปีนี้อาจต่ำกว่า 2%
ส่วนปัจจัยมีผลต่อการลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะนโยบายการเงินของเฟดที่เริ่มส่งสัญญาณลดคิวอีและขึ้นดอกเบี้ย ที่จะมีผลกระทบต่อตลาดการลงทุนนั้น เรายังมองว่าเฟดยังคงต้องดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวัง
อีสท์สปริง แนะ2 ธีมหลัก 3 ธีมเสริมลุยหุ้นนอก
นายอดิศร กล่าวต่อว่า เราแนะกระจายการลงทุนหุ้นต่างประเทศ จัดพอร์ตลงทุนหลัก ในกองทุนที่กระจายการลงทุนในหุ้นทั่วโลก เน้นหุ้น 2 ธีมหลัก คือ 1. อินฟราสตักเจอร์ รองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลักโควิด-19 หนุนให้ภาคธุรกิจมีกำไรและราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อไปได้ และ2.พลังงานทางเลือกหรือพลังสะอาด ปัจจุบันยังราคาอยู่ในจุดที่เหมาะสม
ขณะที่ควรมีการลงทุนเสริม เน้นหุ้น 3 ธีมเสริม ได้แก่ 1. หุ้นเติบโต เช่น หุ้นเทคโนโลยี เป็นเทรนด์ของโลก 5จีและเฮลธ์เทค ในช่วงครึ่งปีแรกราคาปรับตัวลงมาพอสมควรแล้ว เช่นเดียวกับ 2. หุ้นจีน ที่ราคาหุ้นยังปรับตัวลงมาตั้งแต่ต้นปีนี้ และ3.หุ้นเปิดเมือง เช่นกลุ่มค้าปลีกและท่องเที่ยว ที่กำไรและราคาหุ้นมีแนวโน้มกลับมาขยายตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
สิ่งที่ผู้ลงทุนควรทำ หากต้องการลงทุนต่างประเทศ คือ จัดพอร์ตให้ดี ควรลงทุนอย่างมีความรู้และมีข้อมูลที่เป็นเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของโลก รวมถึงต้องมีการติดตามปัจจัยต่างที่มีผลกระทบอย่างใกล้ชิด ปรับพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อลดความเสี่ยง
ทางด้านการลงทุน ในตลาดหุ้นไทย ด้วยทิศทางในการขับเคลื่อนตลาดในระยะข้างหน้า จะต้องพึ่งพานักลงทุนในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะรายย่อย ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 เม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ยังขายสุทธิมาอย่างต่อเนื่อง คงไม่ได้กลับเข้ามาง่ายๆ จากภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังโควิด-19 อาจใช้เวลาถึง 4 ปี ถึงจะกลับมาเท่าก่อนเกิดโควิด-19 ในปี 2562
จับตา 3 สัปดาห์นี้ คาดล็อกดาวน์เข้ม
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ทาลิส เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยดังกล่าว และการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 4 ในเดือนก.ค.นี้ คาดว่ารัฐยังใช้มาตรการคุมการแพร่ระบาดที่เข้มข้นขึ้น “มาตรการล็อกดาวน์” เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยากในปีนี้ ยังต้องติดตามว่าจะเข้มข้นแค่ไหน เพราะยังมีความมเสี่ยงสูงในช่วง3 สัปดาห์ข้างหน้า
ขณะที่มาตรการเยียวยาภาครัฐยังจำเป็นและยังต้องใช้เม็ดเงินเยียวยาผลกระทบในปีนี้ มองอาจมากกว่าปีก่อน จาก5 แสนล้านบาทเพิ่มเป็น 8-9 แสนล้านบาท โดยจำเป็นต้องปรับเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะต่อจีดีพี จากระดับ 60% ไปถึง80%ในปีนี้และปีหน้า ก็เป็นเรื่องที่ควรทำ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19ในปีนี้ เชื้อรุนแรงขึ้น มีวัคซีนแต่ยังต้องรอการกระจายที่เพียงพอและมีประสิทธิภาพต่อเชื้อกลายพันธุ์
แม้ว่า “มาตรการล็อกดาวน์” ทั้งประเทศหรือ “กึ่งล็อกดาวน์” แค่ในบางพื้นที่ นั้นมองว่าเป็นข่าวร้ายสำหรับผู้ประกอบการ แต่ในแง่ของการลงทุน มองว่า “ยังเป็นโอกาส” จากสถานการณ์ที่ผ่านมาก่อนล็อกดาวน์ ตลาดหุ้นไทยปรับตัวต่ำแล้วหลังจากนั้นราวสองเดือนกลับมาฟื้นตัวได้
ประเด็นสำคัญปัจจัยที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย คือ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทย หากในช่วง 3-6 เดือนนี้ ยังไม่เห็นปรับลดลง น่าเป็นห่วง แต่หากปรับลดลงได้ หนุนตลาดหุ้นไทย จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยคาดว่าปลายปีหน้าน่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวได้ คาดใช้เวลา 4 ปีกลับมาฟื้นตัวที่ 3-4% เท่าช่วงก่อนโควิด-19ในปี2562
จับเทรนด์รับ "เปิดเมือง-พลังงานทางเลือก"
นอกจากนี้ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมา พบว่า บริษัทขนาดกลางและเล็ก ที่มีความคล่องตัวและปรับตัวได้ ในขณะที่ตลาดทุนยังเป็นแหล่งระดมทุนที่ดี ขณะที่บริษัทขนาดใหญ่ยังใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัว
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนหุ้นไทย ยังแนะการลงทุน “หุ้นขนาดกลางและเล็ก” ซึ่งยังมีความน่าสนใจลงทุนในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า
แต่กลยุทธ์ที่สำคัญ คือ ผู้ลงทุนต้องคัด เลือกธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง ปรับตัวได้ดีในชช่วงโควิด-19 และยังมีแนวโน้มเติบโตสูง 15-30% ต่อปีในระยะข้างหน้า รวมถึงต้องเป็นธุรกิจที่ไม่ใช่เงินลงทุนสูง และผู้บริหารธุรกิจมีความสามารถบริหารจัดการกับปัญหา ลดอุปสรรคได้ดีในวิกฤติครั้งนี้
พร้อมกับการจัดพอร์ตหุ้นขนาดกลางและเล็ก เน้นกระจายการลงทุนในธีม “เปิดเมือง” หรืออยู่ในเทรนด์การลงทุนที่สอดคล้องไปกับเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของโลก “พลังงานทางเลือก”