LINE BK-KBTG จับมือ DTAC ร่วมออกบริการใหม่สินเชื่อส่วนบุคคลออนไลน์ "ใจดี มีวงเงินให้ยืม"

LINE BK-KBTG จับมือ DTAC ร่วมออกบริการใหม่สินเชื่อส่วนบุคคลออนไลน์ "ใจดี มีวงเงินให้ยืม"

  • 0 ตอบ
  • 97 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Shopd2

  • *****
  • 2300
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




นายธนา โพธิกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด หรือ LINE BK เปิดเผยว่า LINE BK ร่วมกับ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือดีแทค และ กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป หรือ KBTG เปิดตัวบริการ “ใจดี มีวงเงินให้ยืม” บริการสินเชื่อส่วนบุคคลที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านช่องทางดิจิทัลสำหรับลูกค้าดีแทค ตั้งเป้าหมายช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าที่เดิมเข้าไม่ถึงบริการสินเชื่อของสถาบันการเงิน เช่น กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ไม่ประจำอย่างพ่อค้า-แม่ค้า เกษตรกร หรือพนักงานส่งอาหาร ฯลฯ ในช่วงที่เผชิญกับการระบาดของโรคโควิด-19

ส่งโปร​โมชั่นดอกเบี้ย 9.99%

ลูกค้าที่ต้องการรับบริการสามารถมีรายได้ประจำหรือไม่ประจำก็ได้ แต่มีรายรับขั้นต่ำ 5,000 บาทต่อเดือน และสามารถสมัครบริการสินเชื่อได้ผ่านแอพพลิเคชั่น “dtac” ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งมี KBTG เป็นผู้จัดทำคะแนนเครดิต (Credit Scoring) ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของลูกค้าแต่ละราย ขั้นต่ำ 18% แต่สูงสุดไม่เกิน 33% ส่วนวงเงินกู้ยืมอยู่ที่ 1-1.5 เท่าของรายได้ลูกค้า แต่สูงสุดไม่เกิน 800,000 บาทต่อคนโดยคาดว่าวงเงินกู้ยืมเฉลี่ยจะอยู่ที่ 30,000 บาทต่อคน

นายฮาว ริเร็น รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ช่วงแรกบริการ ใจดี มีวงเงินให้ยืม จะทดลองมอบข้อเสนอให้ลูกค้าดีแทคเฉพาะกลุ่มผ่านแอพพลิเคชั่น เอสเอ็มเอส และสื่อออนไลน์ของดีแทค ทั้งลูกค้าเติมเงิน (Pre Paid) และลูกค้ารายเดือน (Post Paid) ระหว่าง 16 ก.ค. ถึง 30 ก.ย.2564 พร้อมโปรโมชั่นรับเงินคืนหรือสิทธิส่วนลด 200 บาท ดอกเบี้ยพิเศษ 9.99% นาน 2 เดือน ก่อนขยายบริการให้ครอบคลุมฐานลูกค้าดีแทคทั้ง 19 ล้านรายเพิ่มขึ้นในระยะถัดไป

ทั้งนี้ ข้อมูลเชิงลึกจากการสำรวจปัญหาทางด้านการเงินของลูกค้าดีแทคช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2563- 2564 พบว่า ลูกค้าของต้องเผชิญภาวะความตึงเครียดด้านการเงิน และการจัดการค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เมื่อมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องใช้เงินจึงหันไปพึ่งสินเชื่อจากแหล่งต่างๆ ซึ่งมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ที่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินที่ถูกต้องเหมาะสม

นอกจากนี้ คนจำนวนมากยังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงการให้บริการทางการเงิน โดยเฉพาะลูกค้าแบบเติมเงินที่มีรายได้เป็นรายวันหรือรายสัปดาห์ ซึ่งมีความไม่แน่นอนทางการเงินสูง ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ไม่มีใบแจ้งเงินเดือน เอกสารรายได้แบบทางการ และบางรายไม่มีความรู้ความเข้าใจในบริการทางการเงิน

“ในปี 2563 ลูกค้าใช้บริการ ‘ใจดี’ ได้แก่ ‘ใจดีให้ยืม’ และ ‘ใจดีช่วยค่ายา’ ของดีแทคมากกว่า 140 ครั้ง สะท้อนถึงความท้าทายที่ลูกค้ากำลังเผชิญ ซึ่งบริษัทมีความตั้งใจช่วยเหลือลูกค้าทุกช่วงเวลาไม่ว่าจะภาวะเศรษฐกิจแบบไหน และมองว่าในปี 2564 บริการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าคาดการณ์ และลูกค้าขายรายได้เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งบริษัทหวังว่าบริการใหม่จะสามารถช่วยให้ลูกค้ากู้ยืมเงินได้ง่ายขึ้น ด้วยดอกเบี้ยสมเหตุสมผล ไม่ต้องใช้เอกสารเยอะ และรอการอนุมัติไม่นาน”

เล็งพัฒนาบริการใหม่ร่วมกันเพิ่มเติม

นายเรืองโรจน์ พูนผล ประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป กล่าวว่า บริษัทคาดว่า เทคโนโลยีทางการเงินของ KBTG สามารถช่วยเติมเต็มให้การพัฒนาแคมเปญ ใจดี มีวงเงินให้ยืม สมบูรณ์แบบและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างดี โดยบริษัททำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการทางด้านเทคโนโลยี (Tech Provider) ที่นำระบบของพันธมิตร ทั้งสองฝ่ายมาผนวกเข้าด้วยกัน ทั้งนี้ การผนึกกำลังกันในครั้งนี้ทั้ง 3 ฝ่ายตั้งเป้าหมายร่วมมือกันในระยะยาว (Long-term Relationship) ซึ่งอนาคตจะมีการพัฒนาบริการทางการเงินดีๆ ร่วมกันเพื่อออกมาให้ลูกค้าได้ใช้บริการต่อไป

“โควิด-19 ทำให้พฤติกรรมลูกค้าและระบบนิเวศ (Ecosystem) ต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและมหาศาล โดยลูกค้าคาดหวังบริการที่สะดวกสบายและสามารถใช้บริการได้เพียงปลายนิ้วสั่ง ขณะที่โลกหลังโควิด-19 เราเชื่อว่าปัญหาต่างๆ ของลูกค้าจะไม่มีวันหมด จากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น เราจึงตั้งเป้าหมายร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อพัฒนาบริการที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีที่สุด โดยเราเชื่อว่าการผนึกกำลังกันกับพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งและมีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมจะให้เราสามารถเติบโตได้ไกลมากขึ้น”